พบกันกับ #เล่าข่าวสบายสไตล์ดรพิทักษ์ตับ กันอีกเช่นเคย วันนี้เป็นซีรีย์ต่อเนื่องจากวันศุกร์ที่แล้ว ที่พบว่า PM2.5 เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของการเกิดพังผืดตับในหนูทดลอง และต่อเนื่องจากวันจันทร์นี้ที่พบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับค่าการอักเสบของตับ และเป็นความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับ วันนี้เรามาดูกันค่ะว่า แล้วคนที่เป็นมะเร็งตับแล้วล่ะ PM2.5 ยังคงมีผลต่อตับของท่านอยู่หรือไม่
พบรายงานการศึกษามากมายที่พบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดและอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งปอด แต่รายงานล่าสุดพบว่าไม่เพียงแต่มะเร็งปอดเท่านั้น PM2.5 ยังส่งผลร้ายต่อมะเร็งตับอีกด้วย จากข้อมูลนี้ที่ทำการศึกษาผลกระทบจากการสัมผัส PM2.5 เป็นระยะเวลา 9 ปีตั้งแต่ปี 2000-2009 ในผู้ป่วยมะเร็งตับกว่า 20,000 คนในรัฐแคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์หาความสัมพันธ์กับระยะเวลาการรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งตับ ผลการศึกษาพบว่าการอยู่ในที่ที่สัมผัส PM2.5 (มากกว่า 25 ไมโครกรัมต่อตารางเมตร) เป็นเวลานาน เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ผู้ป่วยมะเร็งตับมีอัตราการรอดชีวิตที่สั้นลง
จากข้อมูลนี้สรุปได้ว่า….ไม่ว่าท่านจะป่วยเป็นมะเร็งชนิดใดก็ตาม ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมะเร็งมีอัตราการรอดชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้อีกทางหนึ่งนะคะ
เพราะฉะนั้นรับรู้ข่าวสารด้วยความไม่ตระหนก และรู้จักป้องกันไว้ดีกว่าตามแก้ หยุดสร้างมลพิษ เพื่ออากาศที่บริสุทธิ์นะคะ พบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ
#ฝากกดไลค์และแชร์ข้อมูลหากคิดว่าข้อมูลนี้มีประโยชน์แก่คนที่คุณรักและห่วงใย
ขอบคุณแหล่งข้อมูลดีๆ จาก : Huiyu Deng., et al. Particulate matter air pollution and liver cancer survival. Int. J. Cancer: 141, 744–749 (2017) VC 2017 UICC